แช่ตัว..เสริมพลัง-เสริมบารมี ที่…”สะดือมังกร”

18 ก.พ.

 

จุดสะดือมังกรที่หาดเตยงาม..

ตรุษจีนที่ผ่านมา “พี่หน่อย” สุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผอ.สำนักงานการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย สำนักงานพัทยา และ “พี่อู๋” เอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผอ.กองการตลาดภาคตะวันออก ททท. ชวนไปฉลองเทศกาลปีใหม่ของชาวจีนที่เมืองพัทยา โดยมีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน สัตหีบ…

สุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผอ.สำนักงาน ททท.พัทยา นำทีมแช่ตัวที่สะดือมังกร.

ไฮไลต์ที่ว่าก็คือ การแช่ตัวในน้ำทะเลบริเวณจุดที่เรียกว่า “สะดือมังกร” ซึ่งถือว่าเป็นการเสริมดวง เสริมบารมี และหากใครมีเคราะห์ก็ถือเป็นการสะเดาะเคราะห์ไปในตัวด้วย

เราไปถึงหาดเตยงามภายในหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน สัตหีบ ราว 10 โมงเช้า ถือเป็นฤกษ์งามยามดี ผู้บริหารกิจการการท่องเที่ยว หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้การต้อนรับพร้อมมอบหมายให้ พ.จ.ท.นิกรณ์ พูลปาน หรือ พี่เป้ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ กิจการการท่องเที่ยว หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายและแนะนำสถานที่ให้พวกเราได้รู้จักและเข้าใจ รวมถึงปฏิบัติตามพิธีกรรมได้อย่างถูกต้อง

สุดยอดข้าวหลามช็อต..แม่นิยม.

รถรางคันใหม่ล่าสุดของฝ่ายกิจการการท่องเที่ยวพาเราเลียบทะเลหาดเตยงาม ไปจนถึงจุดที่ลงแช่ตัวที่เรียกว่า “สะดือมังกร” บริเวณทางแยกบ้าน น.14 หน้าสโมสรประดู่คู่

พี่เป้ อธิบายถึงความสำคัญของ สะดือมังกร ว่า เป็นจุดที่มีฮวงจุ้ยดี มีลักษณะคล้ายรูปมังกรหมอบ หัวอยู่ทางด้านแหลมปู่เจ้า หางอยู่ทางด้านเขาสูง ลักษณะที่เรียกว่าหน้ามีน้ำ หลังพิงเขา ตรงบริเวณกลางอ่าวมีกระแสน้ำวนคล้ายสะดือมังกร มีความเชื่อว่าเมื่อได้อาบหรือแช่ตัวในอ่าวนี้แล้วจะมีพลังพิเศษ และเป็นสิริมงคลทำให้มีความเจริญก้าวหน้าในทุกๆด้าน หายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

แม่นิยมวัย 84 ปี.

ส่วนอีกตำนานหนึ่ง บอกว่า สมัยหนึ่งเคยมีเรือสำเภาจีนเข้ามาในบริเวณอ่าวเตยงาม และเห็นว่าเป็นสถานที่ที่มีภูมิสถาปัตย์ที่ดีมาก เพราะมีภูเขาล้อมรอบ มีเขาสูงอยู่ด้านหลัง และยังมีปรากฏการณ์กระแสน้ำวน เป็นคลื่นลูกใหญ่ คล้ายสะดือมังกร ซึ่งลักษณะเช่นนี้ถือเป็นพื้นที่ที่มีพลังธรรมชาติสูง หากใครมีความเชื่อความศรัทธา ได้อาบหรือแช่ตัวภายในน้ำทะเลบริเวณนี้ จะสามารถเพิ่มพลังธรรมชาติ เป็นการเสริมบารมีทุกๆด้าน และสามารถปกปักรักษาตัวให้แคล้วคลาดจากภยันตราย

ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อและศรัทธาของคนที่ไปทำพิธีนี้ ซึ่งในการทำพิธีก็จะมีขั้นตอนที่จะเริ่มตั้งแต่การจุดธูป 9 ดอก และเทียน 1 เล่ม พร้อมดอกไม้ ไหว้เจ้าที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยหันหน้าไปทางภูเขาที่เป็นที่ตั้งของศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ถือว่าเป็นหัวของมังกร ทำการสักการะกรมหลวงฯ พระบิดาของทหารเรือไทย จากนั้นให้ทำจิตใจให้สงบและเดินลงสู่ทะเล โดยแช่ตัวในทะเลระดับอก ตั้งจิตอธิษฐานให้สิ่งไม่ดีไหลไปกับทะเล จากนั้นหันหน้าไปทางทิศเหนือ หรือทิศตะวันออก อธิษฐานขอสิ่งที่ต้องการ ประมาณ 10-15 นาที แล้วนำน้ำทะเล ขึ้นมาลูบที่ศีรษะ ใบหน้า แล้วเดินขึ้นจากทะเลโดยไม่ต้องหันหลังกลับไปมองอีก

ปราสาทสัจธรรม.

เคล็ดความเชื่ออีกอย่างสำหรับการแช่ตัวที่สะดือมังกร ก็คือ เมื่อกลับขึ้นมาแล้วให้นำเสื้อผ้าชุดที่ลงแช่ตัวบริจาคเป็นทาน ไม่ต้องเก็บกลับมาใช้อีก…เป็นอันเสร็จพิธี

ชาวจีนตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งนิยมมาแช่ตัวที่สะดือมังกร ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 และวันตรุษจีนเป็นประจำ ส่วนคนทั่วไปมักมาแช่ตัวในวันพระขึ้น 15 ค่ำ หรือวันพระใหญ่ เช่น มาฆบูชา หรือวิสาขบูชา ฯลฯ

พรหม 4 หน้ากับช้าง 3 เศียร ที่ปราสาทสัจธรรม.

หลังรับพลัง เสริมบารมีจนเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเที่ยววิถีไทยตามคอนเซปต์ของ ททท.ในปีนี้ กันต่อ ที่ ปราสาทสัจธรรม ปราสาทไม้หลังใหญ่ ที่แหลมราชเวช อ่าววงพระจันทร์ ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 35 ปี ก็ยังไม่แล้วเสร็จ โดยปราสาทแห่งนี้สร้างด้วยไม้แกะสลักทั้งหลังเป็นทรงไทยจัตุรมุข ใช้การตกแต่งด้วยศิลปะสมัยใหม่ที่ผสมผสานตั้งแต่อยุธยาตอนต้นมาจนถึงรัตนโกสินทร์

ไม้ที่นำมาสร้างปราสาทส่วนใหญ่เป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้แดง ไม้ตะเคียน ไม้พันซาด ไม้เคี่ยมคะนอง และไม้สักทอง ที่สามารถรองรับน้ำหนักได้เป็นพันตัน

แซลมอนจี๊ดจ๊าด…ที่ร้านภูแอทเลิฟ.

ที่เข้มขลังมากๆ เห็นจะเป็น เสาเอก ของปราสาท ที่ทำจากไม้ตะเคียนทองอายุมากกว่า 600 ปี ส่วนที่เป็นความพิเศษอีกอย่างของการออกแบบและก่อสร้างปราสาทแห่งนี้ ก็คือ การไม่ใช้ตะปูหรือนอตแม้แต่ตัวเดียวในการสร้าง แต่จะใช้การเข้าไม้แบบโบราณ เช่น การตอกสลัก เข้าลิ่ม เข้าหางเหยี่ยว ที่เป็นภูมิปัญญาการยึดต่อไม้แบบโบราณ

ความหมายของการสร้างปราสาทแห่งนี้ เป็นไปตามชื่อของปราสาท คือ “สัจธรรม” ที่ผู้สร้างต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความจริงของชีวิต ตั้งแต่การเกิดขึ้นของสรรพสิ่ง ไปจนถึงวันหลุดพ้น การเวียนว่ายตายเกิด และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยไม่แบ่งแยกชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ ส่วนหนึ่งของความหมายในแต่ละส่วนของปราสาทมาจากความเชื่อในศาสนาฮินดูด้วย

บรรยากาศร้ายภูแอทเลิฟ.

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เหนือมุขของปราสาทด้านทิศเหนือ จำหลักเป็นรูปพรหมพักตร์ขนาดใหญ่ หรือพรหม 4 หน้า ซึ่งมีความหมายถึงการมีพรหมวิหาร 4 ในการดำรงชีวิตนั่นเอง

ออกจากปราสาทสัจธรรมแวะกินอาหารเย็นกันที่ร้านปลาทอง แล้วไปต่อที่งานตรุษจีนพัทยา จัดได้ยิ่งใหญ่ แต่เสียดายคนน้อยไปนิด เลยทำให้ดูเหงาๆไปบ้าง

ต้มยำกุ้งในมะพร้าวอ่อน

ขากลับ ขับรถแบบชิลๆ เรื่อยมาตามถนนสุขุมวิท แวะซื้อ ข้าวหลามช็อต ร้านแม่นิยม ซอยตรงข้ามวัดตาลล้อม ใกล้ตลาดหนองมน ข้าวหลามรสเลิศ ไม่หวานมาก เพราะเจ้าของ คุณยายนิยม ที่วันนี้อายุ 84 ปีแล้ว บอกว่า อยู่ที่การปรุงรสที่แตกต่างจากร้านอื่น รวมถึงเผาด้วยฟืนไม่ใช้แก๊สทำให้มีความหอม อร่อย จนได้รับรางวัลที่ 1 ของการประกวดข้าวหลามอยู่หลายปี

แวะกินกลางวันที่ ร้านภูแอทเลิฟ ถนนข้าวหลามตัดใหม่ ที่ต้องบอกว่าร้านน่ารักสมชื่อมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆหลายมุม แถมอาหารรสเด็ดอย่าง กุ้งอบชีส แซลมอนจี๊ดจ๊าด และ ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน ใครไปชลบุรีไม่ได้กินร้านนี้ถือว่าตกเทรนด์

2 วันกับการขับรถสู่เมืองตะวันออกที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ ได้เติมเต็มความสุขให้ชีวิต แบบนี้..ไม่ใช่แค่ slow life แต่เป็นการชาร์จแบตให้กลับมาสู้กับความจอแจ วุ่นวายในเมืองหลวงได้เยอะทีเดียว.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *